• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


มูลนิธิไทยรักษ์ป่า มูลนิธิเพื่อการรักษาป่าไม้อย่างยั่งยืน ร่วมสร้างสามัญสำนึกรักษา @@

Started by dsmol19, Jul 07, 2025, 06:57 PM

Previous topic - Next topic

dsmol19

มูลนิธิไทยรักษ์ป่า มูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์ป่าไม้อย่างยั่งยืน



เกี่ยวกับมูลนิธิไทยรักษ์ป่า ร่วมสร้างความสำนึกสงวน ฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
มูลนิธิไทยรักษาป่า ก่อตั้งขึ้นจากเจตนาของเอ็กโก กรุ๊ป ที่จะช่วยเหลือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรวมทั้งป่าต้นน้ำที่สำคัญของประเทศให้กำเนิดความมั่นคงยั่งยืน เพื่อร่วมเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งสำหรับเพื่อการสืบต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมที่นาถบพิตร รัชกาลที่ 9 รวมทั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีใจตั้งใจอย่างมากต่อการอนุรักษ์ป่า

มูลนิธิไทยรักษาป่ามุ่งหวังเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมให้เกิดความร่วมแรงร่วมใจในการสร้างเครือข่ายการปลูกจิตสำนึกที่ความรักษ์ป่า โดยร่วมมือและช่วยเหลือโครงข่ายต่างๆตลอดจนช่วยเหลือการมีส่วนร่วม

โครงการของมูลนิธิไทยรักษาป่า

- ด้านการผลิตความแข็งแรงเครือข่ายชุมชน
การทำงานระดับโครงข่ายลุ่มน้ำ สร้างความเป็นเจ้าของร่วมในทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่าในที่ลุ่มด้วยกัน กำเนิดความเข้มแข็งสำหรับการบริหารจัดการ อันเป็นการดูแลและรักษาทรัพยากรป่าดงอย่างยั่งยืน

- ด้านการปลูกความสำนึกเยาวชนและพสกนิกร
การนำวิชาความรู้และก็ความสวยของผืนป่ามาเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยการพัฒนาทางเพื่อให้ผู้คนเดินทางเข้าหาธรรมชาติ นำไปสู่จุดเริ่มแรกของความรักแล้วก็หวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ

- ด้านการอนุรักษ์และก็ฟื้นฟู
"คนอยู่ได้ ป่าอยู่ได้" เป็นวิธีการสำคัญของแผนการฯ โดยมุ่งสร้างความแข็งแรงและช่วยเหลือคุณภาพชีวิต มูลนิธิไทยรักษ์ป่า พร้อมทั้งสนับสนุนให้ชุมชนรักษาและก็อยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน

จุดสำคัญของป่าต้นน้ำในระบบน้ำฝนและการรักษาน้ำ

ป่าต้นน้ำ เป็นผืนป่าในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 700 เมตรขึ้นไป เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธารที่หล่อเลี้ยงพื้นที่ราบลุ่มตอนล่าง และเป็นต้นทางของน้ำสะอาดที่จำเป็นต้องต่อทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือพืช

ป่าต้นน้ำปฏิบัติภารกิจเสมอเหมือน "โรงงานผลิตน้ำจืดธรรมชาติ" ที่ทำงานอย่างไม่มีวันหยุด ด้วยขั้นตอนการซึมซับ กักเก็บ และก็ปล่อยน้ำอย่างสม่ำเสมอ ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของระบบนิเวศ แล้วก็ควบคุมสภาพภูมิอากาศให้สุภาพ



ความสำคัญของป่าต้นน้ำต่อระบบนิเวศรวมทั้งการกักเก็บน้ำธรรมชาติ

ป่าต้นน้ำเป็นพื้นที่ป่าไม้ที่อยู่รอบๆต้นน้ำ มักอยู่ในพื้นที่สูงหรือเทือกเขาที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายหลัก หน้าที่สำคัญของป่าต้นน้ำมีหลายประการ ดังนี้

1. ขั้นตอนการดูดซับและก็กักเก็บน้ำฝนของป่าต้นน้ำ
เมื่อฝนตกลงมา พืชและต้นไม้ในป่าจะช่วยชะลอการไหลของน้ำฝน เรือนยอดของต้นไม้สามารถดักน้ำฝนได้ถึง 20-30% ส่วนที่เหลือจะไหลลงสู่พื้นดิน โดยระบบรากของพืชและก็ชั้นอินทรียวัตถุบนพื้นป่าจะปฏิบัติภารกิจเหมือนฟองน้ำธรรมชาติ ซึมซับน้ำฝนแล้วก็เบาๆปลดปล่อยออกมาอย่างสม่ำเสมอจากภาพอธิบายจะมีความคิดเห็นว่า ป่าต้นน้ำประกอบด้วยพืชหลายประเภท โดยมีราก ใบไม้ รวมทั้งซากพืชทับถมกันเป็นชั้นดกบนพื้นป่า ช่วยทำให้น้ำฝนซึมลงดินช้าๆแทนที่จะไหลท่วมไปอย่างเร็วจนกำเนิดอุทกภัยฉับพลัน ป่าต้นน้ำที่บริบูรณ์สามารถกักเก็บน้ำได้มากถึง 2-3 เท่าของน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่

2. หน้าที่ของพรรณไม้สำหรับเพื่อการอนุรักษ์น้ำรวมทั้งควบคุมการไหลของน้ำ
พรรณไม้ในป่าต้นน้ำมีความมากมายรวมทั้งแต่ละชนิดมีบทบาทแตกต่างสำหรับเพื่อการรักษาน้ำ
ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ (500 จำพวก): รากแก้วหยั่งลึกช่วยเจาะชั้นดินและหิน ทำให้น้ำซึมลงสู่ชั้นใต้ดินได้ดี
พืชพื้นล่าง (18,000 จำพวก): ช่วยปกคลุมดิน คุ้มครองปกป้องการชะล้างพังทลาย
กล้วยไม้แล้วก็พืชอิงอาศัย (1,000 ชนิด): ช่วยดักจับความชื้นในอากาศ
พืชตระกูลมอสและก็ไลเคน (2,000 จำพวก): เปรียบได้ดั่งฟองน้ำขนาดเล็ก สามารถอุ้มน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวหลายเท่า

3. ระบบน้ำบาดาลแล้วก็การเติมน้ำลงสู่ชั้นหินซับน้ำ
น้ำฝนที่ซึมผ่านชั้นดินในป่าต้นน้ำจะถูกกรองให้สะอาดและก็ค่อยๆไหลซึมออกลงสู่ชั้นหินซับน้ำใต้ดิน (Aquifer) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำรองตามธรรมชาติ จากภาพจะมีความคิดเห็นว่ามีชั้นหินอุ้มน้ำใต้ดินที่กักเก็บน้ำไว้ถึง 60,000 ชนิด และก็ยังมีสัตว์ใต้ดินอีกกว่า 350 ชนิดที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศใต้ดินนี้ น้ำที่ถูกเก็บเอาไว้ในชั้นหินอุ้มน้ำจะเบาๆไหลซึมมาเป็นน้ำพุ ตาน้ำ หรือน้ำซับ เปลี่ยนเป็นต้นกำเนิดของลำธารรวมทั้งแม่น้ำ ทำให้มีน้ำไหลตลอดทั้งปีแม้ในช่วงฤดูแล้ง

4. ผลกระทบจากการสูญเสียพื้นที่ป่าต้นน้ำต่อระบบน้ำธรรมชาติ
การตัดต้นไม้ทำลายธรรมชาติ การบุกรุกพื้นที่เพื่อทำการเกษตร รวมทั้งการพัฒนาที่ไม่คำนึงถึงระบบนิเวศ ส่งผลเสียต่อป่าต้นน้ำและก็ระบบน้ำธรรมชาติอย่างรุนแรง

5. ปรากฏการณ์อุทกภัย-น้ำแล้งจากการสูญเสียป่าต้นน้ำ
เมื่อป่าต้นน้ำถูกทำลาย ความรู้ความเข้าใจในการกักเก็บน้ำจะต่ำลงเป็นอย่างมาก น้ำฝนจะไหลล้น  มูลนิธิไทยรักษ์ป่า อย่างรวดเร็วลงสู่พื้นที่ต่ำ กระตุ้นให้เกิดอุทกภัยทันควันในฤดูฝน เวลาที่ในช่วงฤดูแล้ง จะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง เนื่องมาจากไม่มีการกักเก็บน้ำไว้ในระบบ งา นวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พบว่า พื้นที่ที่มีป่าต้นน้ำถูกทำลายไปๆมาๆกกว่า 50% จะกำเนิดน้ำท่วมรุนแรงในฤดูฝนและขาดน้ำในฤดูแล้งมากขึ้นถึง 3-5 เท่า เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ยังมีป่าต้นน้ำบริบูรณ์

6. การเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำและก็ผลต่อระบบนิเวศทางน้ำ
เว้นเสียแต่ปัญหาปริมาณน้ำแล้ว การสูญเสียป่าต้นน้ำยังมีผลต่อประสิทธิภาพน้ำด้วย น้ำที่ไหลผ่านพื้นที่ทำการเกษตรมักแปดเปื้อนสารเคมีและตะกอนดิน เมื่อไม่มีป่าคอยกรองและก็ดักจับสิ่งกลุ่มนี้ น้ำในแม่น้ำลำธารก็เลยมีคุณภาพต่ำลง ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำรวมทั้งการใช้คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากมนุษย์ งานเรียนรู้ของกรมอุทยานแห่งชาติพบว่า แม่น้ำที่มีต้นน้ำอยู่ในเขตพื้นที่ป่าบริบูรณ์จะมีค่าออกสิเจนละลายน้ำ (DO) สูงกว่า แล้วก็มีปริมาณตะกอนแขวนลอยต่ำลงยิ่งกว่าแม่น้ำที่มีต้นน้ำจากพื้นที่เกษตรกรรมหรือพื้นที่ที่ป่าถูกทำลาย

ป่าต้นน้ำเป็นระบบนิเวศที่มีความหมายอย่างมากต่อการอนุรักษ์และรักษาน้ำฝนตามธรรมชาติ  มูลนิธิไทยรักษ์ป่า ปฏิบัติภารกิจเสมือนโรงงานผลิตน้ำจืดที่ดูดซับ เก็บกัก และเบาๆปล่อยน้ำออกมาอย่างสม่ำเสมอ การสูญเสียพื้นที่ป่าต้นน้ำนำมาซึ่งการก่อให้เกิดปัญหาน้ำหลาก น้ำแล้ง แล้วก็การขาดแคลุกลนน้ำ

การอนุรักษ์และรักษารวมทั้งฟื้นฟูป่าต้นน้ำจึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งชุมชนแคว้น รวมทั้งการนำเทคโนโลยีรวมทั้งสิ่งใหม่มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะควร

ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงลักษณะภูมิอากาศ ป่าต้นน้ำยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะกลไกธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบนิเวศรวมทั้งบรรเทาผลพวงจากภัยอันตรายทางน้ำ



การลงทุนสำหรับการรักษาป่าต้นน้ำจึงไม่ใช่เพียงการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่ว่าเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางน้ำ  มูลนิธิไทยรักษ์ป่า และของกินของประเทศในระยะยาว

ที่มา https://thairakpa.org/